Categories
Posts

รู้ได้อย่างไรว่า แผ่นดินไหวรุนแรงแค่ไหน

Earthquake

แผ่นดินไหว รุนแรงแค่ไหน –

แผ่นดินไหวเป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่เกิดจากการเคลื่อนตัวของเปลือกโลก ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดการสั่นสะเทือนบนพื้นดิน การวัดระดับความแรงของแผ่นดินไหวมีความสำคัญมาก เพราะช่วยให้เราทราบถึงความรุนแรงและผลกระทบของมันได้

วิธีการวัดระดับความแรงของแผ่นดินไหว

นักวิทยาศาสตร์ใช้เครื่องมือและมาตราวัดที่แตกต่างกันเพื่อประเมินความแรงของแผ่นดินไหว โดยมีมาตราสำคัญดังนี้:

มาตรวัดวัดอะไรช่วงคะแนนตัวเลขที่ได้บอกอะไร
มาตราริกเตอร์ (Richter Scale)วัดขนาดของคลื่นแผ่นดินไหว (Amplitude) ที่บันทึกได้โดยเครื่องวัดแผ่นดินไหว (Seismograph)~0 ขึ้นไป (ไม่มีค่าจำกัดที่ 10)ยิ่งค่ามาก แผ่นดินไหวยิ่งรุนแรง
มาตราเมอร์คัลลี (Mercalli Scale)วัดผลกระทบที่เกิดขึ้นจริงบนพื้นผิวโลก (ระดับความรุนแรงที่รับรู้และผลกระทบต่ออาคาร/สิ่งแวดล้อม)I – XIIระดับ I แรงสั่นสะเทือนเบา ระดับ XII มีความเสียหายรุนแรงมาก
โมเมนต์แมกนิจูด (Moment Magnitude Scale – Mw)วัดพลังงานที่แท้จริงที่ปล่อยออกมาโดยแผ่นดินไหว (พลังงานเชิงกลทั้งหมดของการเคลื่อนตัวของรอยเลื่อน)~0 – 10+มีความแม่นยำกว่าริกเตอร์ในการวัดแผ่นดินไหวขนาดใหญ่

การวัดแผ่นดินไหวเกี่ยวข้องกับคณิตศาสตร์ในหลายด้าน เช่น:

  • มาตราริกเตอร์และโมเมนต์แมกนิจูดใช้ลอการิทึม: มาตราริกเตอร์เป็นมาตราส่วนลอการิทึมฐาน 10 ซึ่งหมายความว่า แผ่นดินไหวที่ระดับ 6.0 มีขนาดคลื่นสั่นสะเทือน (Amplitude) ที่มากกว่าแผ่นดินไหวที่ระดับ 5.0 ถึง 10 เท่า
  • การคำนวณพลังงาน: นักคณิตศาสตร์และนักวิทยาศาสตร์ใช้สมการคำนวณพลังงานของแผ่นดินไหวเพื่อประเมินผลกระทบ โดยพลังงานที่ปลดปล่อยจะเพิ่มขึ้น 32 เท่า ต่อการเพิ่มขึ้น 1 หน่วย
  • สถิติและการวิเคราะห์ข้อมูล: ใช้ในการคาดการณ์ความถี่และความรุนแรงของแผ่นดินไหวในอนาคต

    ปัจจุบันไม่ค่อยใช้มาตราริกเตอร์แล้ว เพราะมีข้อจำกัดในการวัดแผ่นดินไหวขนาดใหญ่ (นิยมใช้ โมเมนต์แมกนิจูด แทน)

ประโยชน์ของการวัดระดับแผ่นดินไหว

  1. ช่วยในการเตือนภัย – ระบบเตือนภัยล่วงหน้าสามารถช่วยลดการสูญเสียชีวิตและทรัพย์สิน
  2. ออกแบบอาคารให้ปลอดภัย – วิศวกรสามารถสร้างอาคารให้ทนทานต่อแผ่นดินไหว
  3. ศึกษาธรรมชาติของเปลือกโลก – นักวิทยาศาสตร์ใช้ข้อมูลเหล่านี้เพื่อทำความเข้าใจการเคลื่อนตัวของแผ่นเปลือกโลก
  4. ช่วยวางแผนฉุกเฉิน – หน่วยงานรัฐบาลสามารถเตรียมความพร้อมสำหรับภัยพิบัติได้ดีขึ้น

คำแนะนำขณะเกิดแผ่นดินไหว

หากเกิดแผ่นดินไหว ควรปฏิบัติตามคำแนะนำเหล่านี้เพื่อความปลอดภัย:

  • อยู่ในอาคาร: หมอบต่ำ ป้องกันศีรษะ และอยู่ใต้โต๊ะที่แข็งแรง
  • อยู่นอกอาคาร: อยู่ห่างจากตึกสูง เสาไฟฟ้า และต้นไม้ใหญ่
  • ขณะขับรถ: จอดรถในที่ปลอดภัยและอยู่ในรถจนกว่าแผ่นดินไหวจะหยุด
  • บริเวณชายฝั่ง: หากรู้สึกถึงแผ่นดินไหว ให้รีบไปที่สูง เพราะอาจมีคลื่นสึนามิ

สรุป

การวัดระดับความแรงของแผ่นดินไหวช่วยให้เราทราบถึงความรุนแรงและผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น ซึ่งเป็นประโยชน์ในการเตรียมพร้อมและลดความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นได้ การปฏิบัติตัวอย่างถูกต้องในระหว่างแผ่นดินไหวสามารถช่วยรักษาชีวิตของเราและคนรอบข้างได้

แหล่งข้อมูลเพิ่มเติม

Categories
Posts

ทักษะแห่งอนาคต เริ่มต้นจากวัยเด็ก

🌟 ทักษะแห่งอนาคต เริ่มต้นจากวัยเด็ก 🌟

จากรายงาน The Future of Jobs Report 2025 ของ World Economic Forum ตลาดแรงงานในอนาคตจะเน้นที่ ทักษะหลากหลาย และ การปรับตัว มากกว่าทักษะเชิงเดี่ยว 🎯

👉 การศึกษาในวัยเด็กจึงควรให้ความสำคัญกับการพัฒนาทักษะชีวิต เช่น การคิดเชิงวิเคราะห์ การแก้ปัญหา การทำงานเป็นทีม และความคิดสร้างสรรค์ เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการเปลี่ยนแปลงที่กำลังจะเกิดขึ้น

🎲 การเล่นอย่างอิสระ เป็นหนึ่งในวิธีที่ดีที่สุด เพราะนอกจากจะสนุกแล้ว ยังช่วยพัฒนาทักษะสำคัญ เช่น การสื่อสาร การปรับตัว และการแก้ปัญหา ทักษะเหล่านี้คือกุญแจสำคัญในโลกการทำงานยุคใหม่

🤝 ทักษะสังคมก็สำคัญไม่แพ้กัน การเตรียมความพร้อมให้เด็กตั้งแต่ช่วงประถมศึกษา ช่วยปูพื้นฐานทั้งด้านวิชาการและการเข้าสังคม สร้างรากฐานที่มั่นคงสำหรับอนาคต 🌱

ที่มา: World Economic Forum

#FutureOfWork #การศึกษา #พัฒนาทักษะ #CMSBangna

Categories
Posts

แนะนำโครงการ Free for All พัฒนาทักษะสู่คณิตศาสตร์โอลิมปิค

หากน้องๆกำลังมองหาวิธีการเรียนรู้คณิตศาสตร์เพิ่มเติมนอกเหนือไปจากบทเรียนในห้องเรียน ต้องการเรียนรู้แนวทางการคิด การวางแผนการทำโจทย์ โดยเฉพาะเมื่อต้องแก้โจทย์ที่เราไม่เคยเห็นมาก่อน ทาง CMS Bangna ขอแนะนำโครงการดีๆ Free for All บน YouTube Channel ที่ผู้ทำ ตั้งใจถ่ายทอดการเรียนรู้คณิตศาสตร์ให้กับผู้ที่สนใจทุกท่าน โดยไม่เพียงแค่การแชร์เทคนิคเด็ดๆในการทำโจทย์ แต่ยังได้เสริมกระบวนการคิด กลยุทธ์ และแง่คิดที่อาจไม่ใครเคยเปิดเผยมาก่อน ทางเพจเชื่อว่าจะเป็นประโยชน์ให้น้องๆผู้ที่สนใจเพื่อพัฒนาทักษะคณิตศาสตร์

โครงการ Free for All คืออะไร?

Free for All เป็นโครงการที่ริเริ่มร่วมกันโดย พี่พัดลม ทยากร สุวานิช (ผู้ได้รับเหรียญทองคณิตศาสตร์โอลิมปิคนานาชาติ IMO 2023) และ พี่โซดา ชลสิทธิ์ อภิลาศมงคล โดยมีเป้าหมายในการนำเสนออีกด้านหนึ่งของคณิตศาสตร์ที่มักไม่เคยเห็นมาก่อน นั่นคือ กระบวนการคิด ที่เค้าทั้งสองเชื่อว่าการเรียนรู้ที่แท้จริงในโอลิมปิกคณิตศาสตร์ก็คือ การพัฒนากระบวนการคิด ไม่ใช่เป็นแค่การเติมคลังความรู้ของเราด้วยเทคนิคการทำโจทย์เท่านั้น

ทำไมถึงควรติดตาม Free for All?

ในโครงการ Free for All จะมีการเผยแพร่คลิปวีดีโอการทำโจทย์จากที่ต่างๆ ที่เห็นว่าสนุกและน่าสนใจ โดยมีระดับความยากแตกต่างกัน เช่น สอวน. หรือระดับ AMC รวมถึง TMO AIME ถึง IMO ข้อ 1-4 หรือบางครั้งอาจถึงระดับ IMO ข้อ 3 – 6 (ข้อยาก)  เพื่อให้ทุกคนในทุกระดับทักษะ สามารถเรียนรู้ ถึงมุมมองการแข่งขันคณิตศาสตร์โอลิมปิกในมุมมองที่ต่างออกไปและเพลิดเพลินกับโลกของคณิตศาสตร์มากขึ้น

ความถี่ในการอัพโหลดคลิป

เพื่อเป็นการเรียนรู้ที่เข้าถึงได้สำหรับทุกคน จึงตั้งเป้าหมายที่จะโพสต์วิดีโอ สองคลิปต่อสัปดาห์ ซึ่งจะประกอบด้วยคลิปภาษาไทยและภาษาอังกฤษ สำหรับปัญหาที่แตกต่างกัน เพื่อให้ผู้ชมจากหลากหลายพื้นฐานสามารถเข้าถึงเนื้อหาได้ตามที่ต้องการ

เชิญร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการเดินทางครั้งนี้ ด้วยมุมมองโลกคณิตศาสตร์ที่ไม่เหมือนใคร และติดตามเรียนรู้ไปพร้อมกับพวกเขาใน Free for All

Categories
Posts

5 เคล็ดลับสร้างลูกให้เป็นนักคิดวิเคราะห์

5 ways raising critical thinkers

  การสร้างลูกให้เป็นนักคิดวิเคราะห์ไม่ยากอย่างที่คุณคิด! เทคนิคการเลี้ยงลูก 5 วิธีนี้จะช่วยให้ลูกของคุณเป็นนักคิดที่ถ้วนถี่ และรอบคอบ ให้ลูกได้เรียนรู้ศิลปะการตั้งคำถามด้วยเคล็ดลับเหล่านี้

เมื่อพูดถึงเรื่องการคิดวิเคราะห์ในอดีต คงไม่มีที่ไหนที่น่าศึกษาไปกว่ายุคสมัยกรีกโบราณ เมื่อประมาณ 2,500 ปีก่อน โสกราติส นักปรัชญาชาวกรีกที่มีชื่อเสียง ได้สร้างแนวคิดเรื่องการคิดวิเคราะห์ขึ้นมา

เขาอธิบายว่า ถึงแม้จะเป็นผู้มีอำนาจ เจ้าหน้าที่ หรือครู ก็ไม่เสมอไปว่าจะสามารถให้คำตอบกับเราได้ทุกอย่าง ดังนั้นการที่เราต้องตั้งคำถามและตรวจสอบก่อนที่จะยอมรับความคิดเหล่านั้นจึงเป็นสิ่งที่สำคัญ เขาสนับสนุนให้มองหาหลักฐานและไม่ทำตามกลุ่ม หรือตามกระแสโดยไม่ตรึกตรองก่อน

แม้ว่านักปรัชญาหรือนักวิทยาศาสตร์ได้พิสูจน์แล้วว่าการตั้งคำถามเป็นสิ่งสำคัญ วิธีการเลี้ยงลูกแบบเดิมๆมักไม่ค่อยเปิดโอกาสให้ลูกได้เรียนรู้การตอบคำถามในรูปแบบนี้นัก ตัวอย่างเช่น เมื่อลูกขออนุญาตอยู่ดึกเพื่อทำกิจกรรมต่อในโรงเรียน พ่อแม่ก็แค่บอกว่า “ไม่ได้ มันดึกเกินไป”

แม้ว่าพ่อแม่จะคิดว่าเขารู้ดีที่สุดสำหรับลูกของเขา พ่อแม่ไม่น้อยมักใช้การเลี้ยงลูกแบบสั่งการโดยไม่ให้เหตุผล ซึ่งเป็นวิธีที่ไม่ช่วยในพัฒนาการคิดวิเคราะห์ของลูก

ทำไมพ่อแม่คือคนสำคัญในการสอนทักษะการคิดวิเคราะห์ให้ลูก

โสกราติสคงคาดไม่ถึงว่า การคิดวิเคราะห์จะมีความสำคัญได้มากขนาดนี้ใน 2,000 กว่าปีต่อมา ด้วยสภาพผู้คนที่พลุกพล่าน ทะเลข้อมูลทางอินเทอร์เน็ต และโซเชียลมีเดียที่ท่วมล้น ทักษะด้านการคิดวิเคราะห์จึงมีความจำเป็นมากขึ้นกว่าที่เคยมีมาในอดีต

แม้ว่าโรงเรียนจะสอนบทเรียนที่มีสำคัญๆให้นักเรียนจดจำ แต่ก็อาจไม่ได้เน้นการเรียนรู้วิธีคิดวิเคราะห์นอกห้องเรียนมากนัก จึงเป็นหน้าที่ของพ่อแม่ในการสอนลูกให้ตั้งคำถาม ประเมินปัจจัย และแสดงมุมมองของตนเองตลอดจนการตัดสินใจได้อย่างเหมาะสมในชีวิตประจำวัน

5 วิธีง่าย ๆ ช่วยส่งเสริมนักคิดวิเคราะห์ตัวน้อย

การคิดวิเคราะห์เป็นทักษะและนิสัยการคิดที่สามารถระบุปัญหา แยกแยะสมมติฐาน วิเคราะห์ข้อดีข้อเสีย และตัดสินใจได้ มันยังรวมถึงความสามารถในการคิดอย่างเปิดกว้างและพิจารณามุมมองของผู้อื่นได้ด้วย

พ่อแม่ย่อมรู้อยู่แล้วว่าอะไรดีที่สุดสำหรับลูก แต่รู้หรือไม่ว่าการตัดสินใจแทนลูกจะลดทอนความสามารถของลูกในการเรียนรู้และฝึกฝนทักษะการคิดวิเคราะห์ในอนาคต

โชคดีที่มีเคล็ดลับง่ายๆ 5 ข้อที่ช่วยให้พ่อแม่สร้างนักคิดอิสระและมีเหตุผลได้

1. แทนที่คำว่า “ไม่” ด้วย “ขอเหตุผลหน่อยทำไมต้องเชื่อแบบนั้น”

แทนที่จะบอกลูกว่า “ไม่” ให้ลองถามเหตุผลที่พวกเขาต้องการสิ่งนั้น ชวนลูกให้อธิบาย ข้อดีข้อเสีย และผลที่คาดว่าจะเกิดขึ้น มุมมองของพวกเขาอาจทำให้คุณเข้าใจเขามากขึ้น

จากตัวอย่างที่ลูกขออยู่ดึกเพื่อทำกิจกรรมที่โรงเรียน เมื่อขอเหตุผล พ่อแม่อาจได้คำตอบจากลูกเช่น

ลูกเข้าใจว่ามันดึก แต่มันเป็นงานครั้งสุดท้ายก่อนส่งแล้ว มันสำคัญกับลูกและทีมมาก เขาจะตั้งนาฬิกาปลุกและตื่นเองตอนเช้าวันรุ่งขึ้น

จะเห็นได้ว่า ลูกจะได้เรียนรู้และเข้าใจผลที่จะตามมาและรับผิดชอบผลของการตัดสินใจจากการคิดวิเคราะห์ของเขาเอง

2. เปิดโอกาสให้ลูกพบกับประสบการณ์และการศึกษาใหม่ๆบ้าง

ชีวิตที่มีกฎเกณฑ์ที่เข้มงวดและกิจวัตรที่ไม่เปลี่ยนแปลงไม่ได้สอนลูกให้รับมือกับการเปลี่ยนแปลงและความท้าทาย ให้ลูกมีโอกาสทำกิจกรรมใหม่ๆ ออกไปเที่ยวหรือทดลองทำกิจกรรมต่างๆ ด้วยกัน

3. ขอความคิดเห็นจากลูกเสมอ

ลูกของคุณจะรู้สึกเป็นคนสำคัญ มีพลัง เคารพ และเชื่อถือคุณ หากคุณถามความคิดเห็นของพวกเขาบ่อยๆ เริ่มได้ตั้งแต่เรื่องเล็กๆหรือแม้จะเป็นเรื่องใหญ่ ลูกจะได้ฝึกฝนทักษะในสถานการณ์ใหม่ๆ

4. อย่าตำหนิปัญหาของพวกเขา

การแก้ไขปัญหาและข้อขัดแย้งสอนให้ลูกมีทักษะการคิดวิเคราะห์ ลองปล่อยให้ลูกแก้ไขปัญหาด้วยตัวเองและเรียนรู้จากความขัดแย้ง โดยที่ยังอยู่ในสายตาของคุณ ถือว่าเป็นการฝึกฝนตัวเค้าเอง อย่างไรเสียวันนึงเค้าก็ต้องเผชิญสิ่งนี้

5. ถามลูกว่า “ใครเป็นผู้พูด” จะช่วยให้เขาคิดคำนึงถึงอีกด้านหนึ่งของเรื่องราว

อธิบายให้ลูกฟังว่า:

  • มีมากกว่าหนึ่งด้านของเรื่องราวเสมอ
  • มันเป็นเรื่องปกติที่จะตั้งคำถาม
  • หากมีสิ่งใดที่รู้สึกไม่ถูกต้องหรือทำให้รู้สึกไม่สบายใจ ให้เชื่อสัญชาตญาณของตัวเอง

ความคิดเห็นของคุณสามารถเปลี่ยนแปลงได้

การคิดวิเคราะห์เป็นการเปิดใจรับความคิดใหม่ๆ และเปลี่ยนแปลงความคิดเห็นตามข้อมูลใหม่ๆ ส่งเสริมให้ลูกแก้ไขปัญหาในวิธีใหม่ๆ และเข้าใจว่าเราทุกคนมีพื้นความรู้ วัฒนธรรม และตระหนักในความจริงที่แตกต่างไม่เท่ากัน

ข้อคิดสุดท้ายเกี่ยวกับการเลี้ยงลูกให้เป็นนักคิดวิเคราะห์

เคล็ดลับง่ายๆ เหล่านี้จะช่วยให้คุณสร้างลูกที่แข็งแกร่งและมีความสามารถ นั่นคือการฝึกนิสัยให้ลูก “อธิบายเหตุผล” แทนที่จะปฏิเสธพวกเขาทันที

โสกราติสคงจะภูมิใจหากรู้ว่าพ่อแม่กำลังสอนลูกให้เป็นคนที่ช่างสงสัย แข็งแกร่ง และรู้จักตัวเอง

Categories
Posts

แถบเมอบิอุส: มหัศจรรย์ทางคณิตศาสตร์

แถบกระดาษเมอบิอุสถึงแม้จะมีสองด้าน แต่มีเพียงหนึ่งพื้นผิวเท่านั้น มดที่คลานไปตามพื้นผิวนี้ จะสามารถคลานครอบคลุมทั้งสองด้านของกระดาษได้ ด้วยการเคลื่อนที่ต่อเนื่องโดยไม่ข้ามขอบใดๆ

แถบเมอบิอุส (Möbius bands) ตั้งชื่อตามนักคณิตศาสตร์ชาวเยอรมันในศตวรรษที่ 19 ชื่อ ออกัส เมอบิอุส เป็นรูปทรงทางเรขาคณิตที่เรียบง่ายแต่ลึกซึ้ง สามารถสร้างได้ในเวลาเพียงไม่กี่วินาที โดยการบิดแถบกระดาษให้หมุน 180 องศา แล้วเชื่อมปลายทั้งสองเข้าด้วยกัน รูปทรงที่เกิดขึ้นมีคุณสมบัติที่คาดไม่ถึงและน่าทึ่ง ซึ่งมีส่วนสำคัญในการพัฒนาความเข้าใจเกี่ยวกับรูปทรงทางเรขาคณิตที่ซับซ้อน

ศตวรรษที่ 19 เป็นช่วงเวลาที่สร้างสรรค์อย่างมากสำหรับคณิตศาสตร์ และสาขาวิชาใหม่ที่น่าตื่นเต้นอย่างทอพอโลยี (Topology) ได้ก่อให้เกิดรูปทรงทางเรขาคณิตใหม่ๆ มากมาย นักคณิตศาสตร์ชาวเยอรมัน รวมถึง เมอบิอุส และ โยฮันน์ ลิสติง ก็เป็นส่วนหนึ่งของแรงผลักดันนี้ ในปี 1858 ทั้งสองคนได้ศึกษาแถบกระดาษที่บิดนี้อย่างอิสระ

เมื่อสร้างเสร็จแล้ว แถบเมอบิอุสจะมีเพียงหนึ่งพื้นผิวเท่านั้น มดที่คลานไปตามพื้นผิวนี้จะสามารถคลานครอบคลุมทั้งสอง “ด้าน” ของกระดาษได้ด้วยการเคลื่อนที่ต่อเนื่องโดยไม่ข้ามขอบใดๆ คุณลักษณะนี้ทำให้แถบเมอบิอุสเป็นตัวอย่างคลาสสิกของพื้นผิว “ไม่กำหนดทิศทาง” (nonorientable) ในเรขาคณิต โดยพื้นฐานแล้วเมื่อคุณลากนิ้วไปรอบๆ แถบทั้งหมด คุณจะพบว่าด้านซ้ายและด้านขวาของกระดาษจะสลับกัน

รูปทรงของแถบเมอบิอุสบางครั้งเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ เช่น ในการเคลื่อนไหวของอนุภาคที่มีประจุแม่เหล็กภายในแถบรังสีแวนอัลเลนที่ล้อมรอบโลก และในโครงสร้างโมเลกุลของโปรตีนบางชนิด คุณสมบัติของมันยังถูกนำมาใช้ในชีวิตประจำวันอีกด้วย ในต้นศตวรรษที่ 20 รูปทรงแถบเมอบิอุสถูกใช้ในเทปบันทึกเสียงแบบวนซ้ำเพื่อเพิ่มเวลาในการเล่นเป็นสองเท่า นอกจากนี้ยังมีรถไฟเหาะแถบเมอบิอุส เช่น แกรนด์ เนชันแนล ที่แบล็คพูล เพลเชอร์ บีช ทางตอนเหนือของอังกฤษ

รูปทรงของแถบเมอบิอุสยังเป็นแรงบันดาลใจให้กับศิลปินและสถาปนิก ศิลปินชาวดัตช์ เอ็ม.ซี. เอเชอร์ สร้างภาพแกะไม้ของมดที่ลาดตระเวนไปตามรูปทรงนี้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด อาคารแถบเมอบิอุสที่น่าประทับใจกำลังถูกสร้างขึ้นเพื่อลดผลกระทบจากแสงอาทิตย์ รูปทรงนี้ยังถูกใช้ในสัญลักษณ์สากลสำหรับการรีไซเคิล และถูกแนะนำในสัญลักษณ์ทางคณิตศาสตร์สำหรับอินฟินิตี้ (∞) ซึ่งสะท้อนภาพของความเป็นนิรันดร์ในโมเสกโรมันโบราณ


แหล่งข้อมูล
https://simple.wikipedia.org/wiki/M%C3%B6bius_strip
https://simanaitissays.com/2013/03/19/doing-the-mobius-strip/

#คณิตศาสตร์ #afterschool #creativemath